วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา 07.00 น. สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพร่ พร้อมด้วยผู้อำนวยการกองการศึกษา เจ้าหน้าที่กองการศึกษาและกองการเจ้าหน้าที่ ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาลวัดชัยมงคล ชุมชนเหมืองแดง ชุมชนชัยมงคล ชุมชนเหมืองหิตพัฒนา โรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่ สโมสรไลออนส์แพร่ สโมสรโรตารี สโมสรโรตารีเวียงโกศัย สโมสรฟุตบอลแพร่ยูไนเต็ด ชมรมร้านอาหารแผงลอย ชมรมช่างเสริมสวยจังหวัดแพร่ ชมรมช่างเสริมสวยเทศบาลเมืองแพร่ และคณะศรัทธาสาธุชน ร่วมทำบุญตักบาตร ณ บริเวณประตูชัยกำเเพงเมืองแพร่ (เมก)
จากนั้นได้รับฟังคติธรรมจากคณะพระสงฆ์วัดหัวข่วง ความว่า คนเราเกิดมามีสองธาตุด้วยกัน หนึ่งคือร่างกายหรือสังขาร สองคือจิตใจหรือวิญญาณ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในทางพระพุทธศาสนาก็คือจิตใจ เพราะจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ส่วนร่างกายเราเปลี่ยนกันมาไม่รู้กี่ภพไม่รู้กี่ชาติ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือจิตใจของเราหรือวิญญาณของเรานั่นเอง เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดเราควรจะให้ความสำคัญกับวิญญาณหรือจิตใจของเราให้มากกว่าร่างกาย แต่ในยุคปัจจุบันนี้คนเราให้ความสำคัญกับร่างกายมากกว่าจิตใจมากเกินไป ยึดติดในวัตถุสิ่งของต่างๆ เกิดความเดือดร้อนสับสนวุ่นวาย
เพราะฉะนั้นจิตใจของเราควรจะรู้จักซักรู้จักฟอก ก็คือฟอกด้วยธรรมะนั่นเอง ที่เรามาทำบุญตักบาตรในวันนี้ก็เปรียบเสมือนเอาจิตใจมาซักฟอกด้วยธรรมะ รู้จักการให้ รู้จักบำเพ็ญทานเป็นพื้นฐานของจิตใจที่ดี คนเราจะดีหรือไม่ดีไม่ได้อยู่ที่หน้าตาหรือว่าร่างกายแต่อยู่ที่จิตใจ
ดังเช่นครอบครัวหนึ่งภรรยาเป็นคนขี้บ่น ชอบมาเล่าให้สามีฟังว่าข้างบ้านซักผ้าไม่สะอาดอย่างนั้นอย่างนี้ พอวันหนึ่งก็ตื่นเต้นมากมาเล่าให้สามีฟังว่าวันนี้ข้างบ้านซักเสื้อผ้าสะอาดมาก สามีก็บอกว่าไม่ต้องตกอกตกใจอะไรหรอก เพียงแต่วันนี้ฉันไปเช็ดหน้าต่างของเราให้มันใสสะอาดขึ้นมาเท่านั้นเอง เราต้องหมั่นซักฟอกจิตใจของเรา ถ้าจิตใจเราไม่ดีก็เปรียบเสมือนหญิงคนนี้นั่นแหล่ะ ความจริงแล้วความผิดอยู่ที่บ้านของตัวเอง เรามัวแต่มองออกไปข้างนอกเราเข้าใจผิดคนอื่น จนลืมสำรวจตัวสำรวจใจของเราเอง เพราะฉะนั้นจิตใจจึงสำคัญที่สุด ที่เรามาตักบาตรทำบุญกันในวันนี้ และเราได้ทำสิ่งที่เรียกว่า “โลกียทรัพย์” ให้เปลี่ยนเป็น “อริยทรัพย์” กลายเป็นทรัพย์อันประเสริฐที่ไม่มีใครแย่งได้ และเป็นทรัพย์ที่จะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติไป