(มีคลิป) พิษรักหึงโหดหนุ่มใหญ่ย่องเงียบมาจากไต้หวันก่อเหตุยิงสาวที่คบหาก่อนจ่อยิงหัวตายตามดับทั้งคู่

17583
0
- ผู้สนับสนุนแพร่ข่าว -

ไปทำงานเมืองนอกแต่ระแวงว่า สาวที่คบจะมีสัมพันธ์ชายอื่น หึงหวง จึงย่องเงียบมาหาตกลงกันไม่ได้ ใช้อาวุธปืน 11 ม.ม. ไทยประดิษฐ์ จ่อยิงสาวตายคาโซฟา ก่อนจะจ่อยิงหัวตัวเองสาหัส

เหตุหึงหวงนำไปสู่โศกนาฏกรรมยิงตาย 1 สาหัส 1 รายนี้เปิดเผย ขึ้นเมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 18 ก.พ.66 ขณะ ร.ต.อ.พินัย เหรา รองสารวัตรสอบสวน สภ.ช่อแฮ ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.พระธาตุช่อแฮ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บ้านเลขที่ 91 ม.2 บ.พันเชิง ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตให้ตรวจสอบด้วยหลังรับแจ้งจึงประสานหน่วยกู้ภัยการะเวก เทศบาลตำบลช่อแฮ รับผู้บาดเจ็บ

จากนั้นจึงรายงานให้ พ.ต.อ.สง่า ศรีวิชัย ผกก.สภ.พระธาตุช่อแฮ ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ ร่วมด้วย พ.ต.ท.ณฐกฤษ ชัยนันท์ รอง ผกก.(สอบสวน) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.พระธาตุช่อแฮ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.แพร่ ร่วมกับแพทย์เวร รพ.แพร่ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บอาการสาหัสเป็นชายนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่พื้นบ้าน ถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะขวา ทราบชื่อในเวลาต่อมา คือ นายธิติพงศ์  พรมตา อายุ 47 ปี บ้านพันเชิงหมู่ 3 ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ กู้ชีพการะเวกเทศบาลตำบลช่อแฮ จึงช่วยเหลือนำส่ง รพ.แพร่ อย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาการสาหัสหายใจรวยริน

นอกจากนั้น บนโซฟาภายในบ้านพบร่าง นางณภัทร อัครเดชาพงศ์ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 91 ม.2 บ้านพันเชิง ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ สภาพศพสวมเสื้อสีเทาดำ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาด 11 ม.ม. เข้าบริเวณหน้าอก เสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุยิงคือ นายธิติพงษ์ฯ ที่บาดเจ็บสาหัส นำส่ง รพ. ไปก่อนหน้านี้

จากการสอบสวน นางภาวนา มุ้งทอง อายุ 62 ปี ข้างบ้านที่เกิดเหตุ ให้การว่าระหว่างเกิดเหตุ ตนเองได้ยินเสียงปืน ดัง 2 นัด จากนั้นได้ยินเสียงร้องจากคนในบ้าน จึงเข้าไปดู พบคนถูกยิงในบ้าน 2 คน จึงได้วิ่งออกมา ตะโกนขอความช่วยเหลือ และบอกชาวบ้านให้ช่วยแจ้งตำรวจดังกล่าว

สำหรับฝ่ายหญิงที่เสียชีวิตเป็นเจ้าของบ้านมีลูกสาว อายุ 5 ขวบ และมีหลานสาววัยรุ่นอยู่ด้วยในบ้าน ส่วนฝ่ายชาย ที่ก่อเหตุ ก็คบหากันไม่นาน หลังจากที่ฝ่ายหญิงแยกกันอยู่กับสามีคน จ.ลำปาง ที่มีอาชีพหมอดูไปแล้ว แต่ตอนหลังฝ่ายชายที่ก่อเหตุได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน แต่ก็ติดต่อ ส่งเสียมาให้ตลอด มาระยะหลังฝ่ายชาย ระแวงว่า ผู้หญิงจะมีคนอื่น หรือกลับไปสานสัมพันธ์กับแฟนเก่าที่เป็นหมอดู จึงมักจะโทรมาถามญาติๆ หรือข้างบ้านของฝ่ายหญิง ว่ามีพฤติกรรม อย่างไรบ้าง

จนกระทั่งวันนี้ ไม่ทราบว่า ฝ่ายชายกลับมาจากประเทศไต้หวัน เมื่อไหร่ เพราะไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น แม้กระทั่งบ้านพ่อแม่ฝ่ายชายก็ไม่ทราบว่า ลูกชายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มาทราบก็ต่อเมื่อ พบว่าก่อเหตุยิง นางนภัสร์ฯ เสียชีวิตในบ้าน แล้วยิงหัวตัวเองสาหัสดังกล่าว ซึ่งทุกคนต่างก็งง ว่าเกิดเหตุแบบนี้ได้อย่างไร แล้วฝ่ายชาย มาถึงบ้านฝ่ายสาวอย่างไร เพราะไม่มีรถมีร่องรอยอะไร

จากนั้นแพทย์เวร รพ.แพร่ พร้อม ตร.พิสูจน์หลักฐาน จ.แพร่ ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาวิถีกระสุน และพยานหลักฐานต่างๆ ในการดำเนินการทางคดีต่อไป.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายธิติพงษ์ฯทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา