……….เกิดเหตุไฟไหม้กลางชุมชน บ้านวอดทันที 2 หลัง สุดอัศจรรย์บ้านที่อยู่ติดกัน ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์ของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ตั้งอยู่บนบ้านไม่มีรอยไหม้แม้แต่นิดเดียว
……….เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 8 ส.ค.63 ร.ต.อ.ณัฐวุฒิ มณีกาศ รองสารวัตรสอบสวน ทำหน้าที่พนักงานสอบสวนเวร สภ.พระธาตุช่อแฮ ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน เหตุเกิดที่บ้านพระธาตุช่อแฮ ม.11 ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ ให้ตรวจสอบเหตุด้วย หลังรับแจ้งประสานดับเพลิงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เข้าทำการดำเพลิง เนื่องจากเบื้องต้นทราบว่าบ้านต้นเพลิงเป็นบ้านอยู่กลางชุมชน หวั่นจะลุกลามไหม้บ้านใกล้เคียง
……….ต่อมารถดับเพลิงจาก เทศบาลตำบลช่อแฮ จำนวน 2 คัน ร่วมกับ อบต.ป่าแดง เทศบาลตำบลสวนเขื่อน เทศตำบลแม่คำมี อบต.นาจักร เทศบาลเมืองแพร่ เทสบาลตำบลป่าแมต เทศบาลตำบลทุ่งโฮ้ง อบต.ร่องฟอง เทศบาลตำบลแม่หล่าย อบต.กาญจนา และ รถดับเพลิง สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.แพร่ และใกล้เคียง เข้าร่วมดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่มีพนักงานดับเพลิงได้รับบาดเจ็บที่ ขา 1 ราย นำส่ง รพ.แพร่ เพื่อทำการรักษา
……….จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเพลิงได้ไหม้บ้านที่ติดกัน จำนวน 2 หลัง วอกทั้งหมด ประกอบด้วย บ้าน นางปินแก้ว สุขจร อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 34/1 ม.11 ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ ทรัพย์สินภายในบ้านเสียหายหมด สร้อยคอทองคำ 1 สลึง ที่หาเงินจากการรับจ้างซื้อเก็บไว้ที่ลิ้นชักตู้เสื้อผ้า ถูกเผาไม้ไปกับกองเพลิง พร้อมรถ จยย.ที่จอดใต้ถุนบ้าน ส่วนอีกหลัง เป็นบ้านของ นายอนันต์ เผือกผอม อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 34 ม.11 ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ เสียหายหมดทั้งหลัง เงินสด 17,000 บาท ที่หาเก็บไว้ ไหม้ไปพร้อมกับเอกสารสำคัญทั้งหมดที่เก็บไว้บนบ้าน
……….ทางด้าน น.ส.นิตยา เจริญกุศล อายุ 29 ปี ชาวบ้านที่อยู่ระแวกบ้านเดียวกันทราบว่า ระหว่างเกิดเหตุตนเองอยู่ที่บ้าน ได้กลิ่นเหม็นไหม้ เหม็นมากๆ จึงออกจากบ้านมาดูก็พบว่าไฟไหม้บ้าน แต่ตอนนั้นบ้านเกิดเหตุควันขึ้นโขมง และต่อมามีเสียงแก๊สระเบิดดังพรึ๊บ ก่อนที่จะมีไฟลุกไหม้บ้านทั้ง 2 หลังอย่างรวดเร็ว และมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยกันดับเพลิงดังกล่าว
……….ส่วน ด.ญ.ณิชาพร สุทธิพงศ์พันธ์ นักเรียนชั้น ป.3 บ้านเลขที่ 57 ม.11 ต.ช่อแฮ เผยว่า ตนนั้นเห็นควันขึ้นจำนวนมาก ก่อนจะวิ่งไปบอกให้กับ นายอิ่นแก้ว เขยเป็นสี ผู้เป็นลุง จึงได้ขี่รถ จยย.ไปบอกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เทศบาลตำบลช่อแฮ มาช่วยดับเพลิง และเธอเองได้โทรไปบอก นางนงนุช เขยเป็นศรี ผช.ผู้ใหญ่บ้านทราบ และโทรไปแจ้งดังเพลิงมาช่วยดับเพลิง
……….เบื้องต้นจากการสอบถามผู้เสียหายทั้ง 2 คน ที่อยู่ในอาการตกใจมือเท้าอ่อน ร้องไห้เสียใจ ญาติต้องช่วยประคอง ทราบว่า ระหว่างเกิดเหตุไม่มีใครอยู่บ้าน เพราะต้องไปทำงานรับจ้างที่ ต.บ้านถิ่น อ.เมืองแพร่ ทั้งคู่ จนกระทั่งมีญาติโทรไปแจ้งว่า ไฟไหม้บ้าน จึงรีบกลับมาดู พบว่า บ้านไหม้วิดทั้งสองหลัง ก็ตกใจมากเข่าอ่อน จากการประเมินค่าเสียหายเบื้องต้น ประมาณ 350,000 บาท จากนั้น พนักงานสอบสวน สภ.พระธาตุช่อแฮ ได้สอบปากคำเบื้องต้น บันทึกที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
……….แต่ที่อัศจรรย์สร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวบ้านก็คือ บ้านที่อยู่ติดกันซึ่งเป็นที่ของวัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์ของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ตั้งอยู่บนบ้านฝั่งที่ติดกับบ้านไฟไหม้ กลับไม่มีร่องรอยของไฟไหม้แม้แต่นิดเดียว สร้างความอัศจรรย์ ให้กับผู้ที่ทราบข่าว เชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของ พระบรมฉายาลักษณ์ และ ของวัดพระธาตุช่อแฮ
……….ต่อมา พระโกศัยเจติยารักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัดแพร่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุ พระอารามหลวง ได้นำสิ่งของมาช่วยเหลือเบื้องต้นกับผู้ได้รับความเดือดร้อน นางสาวเกสร ปลาลาส นายกเทศมนตรีตำบลช่อแฮ นายบุญครอง ดอกเกี๋ยง ปลัดเทศบาลตำบลช่อแฮ ลงพื้นที่มาพบให้กำลังใจผู้เสียหาย พร้อมบอกถึงแนวทางการช่วยเหลือของทางราชการแก่เจ้าของบ้าน นางอัมราพร มุ้งทอง นายกสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนจังหวัดแพร่ ได้เดินทางมาให้กำลังใจเหยื่อไฟไหม้ และจะได้สานภาคราชการและเอกชนต่างๆ เพื่อมาช่วยเหลือต่อไป.