


วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 07.00 น. นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพร่ ผู้อำนวยการกองการศึกษา เจ้าหน้าที่กองช่าง ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาลวัดหัวข่วง ชุมชนหัวข่วง ชุมชนพงษ์สุนันท์ ชุมชนศรีชุม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่ สำนักงานอัยการจังหวัดแพร่ สำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดแพร่ สโมสรไลออนส์แพร่ สโมสรโรตารี สโมสรโรตารีเวียงโกศัย สโมสรฟุตบอลแพร่ยูไนเต็ด ชมรมร้านอาหารแผงลอย ชมรมช่างเสริมสวยจังหวัดแพร่ ชมรมช่างเสริมสวยเทศบาลเมืองแพร่ และคณะศรัทธาสาธุชน ร่วมทำบุญตักบาตร ณ บริเวณประตูชัยกำเเพงเมืองแพร่ (เมก)



จากนั้นรับฟังคติธรรมจากคณะพระสงฆ์วัดเมธังกราวาส (น้ำคือ) ความว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ท่านทั้งหลายได้มากระทำซึ่งคุณงามความดี ได้มาฝึกจิตฝึกใจในการเป็นผู้ให้ เป็นการฝึกจิตฝึกใจให้มีความเมตตากรุณา แต่ในทางพระพุทธศาสนาหมายถึงได้มากระทำซึ่งบุญกุศล กุศล แปลว่า ความฉลาด บุญ แปลว่าคุณงามความดี วันนี้อาตมาจะมาเล่านิทานชาดกให้ฟัง ในสมัยพุทธกาลมีเศรษฐีอยู่คนหนึ่งขี้เหนียวมากเวลาได้ทรัพย์สมบัติมาก็เก็บเอาไว้ ได้เสื้อผ้าดีๆ มาไม่ยอมใส่เก็บเอาไว้ และก็ไม่มีบุตร



ซึ่งในสมัยก่อนชาวเศรษฐีอินเดีย ถ้าไม่มีบุตร ไม่มีทรัพย์สมบัติจะมอบให้เวลา ทางราชการจะยึดทรัพย์ทั้งหมด พอถึงเวลาตายไปก็ไม่มีคนที่จะมอบทรัพย์สมบัติให้ ตอนนั้นอยู่ในเมืองของพระเจ้าเกษมวิโกศล ท่านก็สั่งให้ทหารเข้ายึดทรัพย์เข้าคลังหลวงโดยใช้เวลาไปกว่า 7 วัน จึงจะหมด ก็เลยเกิดความสงสัย จึงนำเรื่องนี้ไปกราบเรียนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เลยเล่าอดีตกาลของเศรษฐีขี้เหนียวว่า อดีตชาติท่านเป็นมนุษย์ วันหนึ่งจะเข้าเฝ้าพระราชา ระหว่างที่เดินทางก็เจอพระปัจเจกของพระพุทธเจ้าซึ่งกำลังบิณฑบาต ก็ถามไปว่าท่านได้ข้าวหรือยัง ท่านก็ตอบว่ายัง งั้นพวกท่านไปที่บ้านข้าเถิดเดี๋ยวภรรยาข้าจะถวายอาหารดีๆ ให้ พระปัจเจกของพระพุทธเจ้าก็เดินไปยังบ้านอดีตชาติเศรษฐีแต่เศรษฐีไม่อยู่นะ หลังจากที่เข้าเฝ้าฯ เสร็จตอนเดินทางกลับเจอพระปัจเจกของพระพุทธเจ้าเดินสวนออกจากบ้านมาพอดี ก็เลยถามว่าพวกท่านได้อาหารหรือยัง ท่านก็ตอบว่าได้แล้วขอบคุณมาก ทีนี้เหลือบไปเห็นอาหารดีๆ ในบาตร เกิดความเสียดายในอาหารเหล่านั้น คิดในใจว่าถ้าอาหารเหล่านี้ไปตกถึงแรงงานก็จะได้แรงงานใช้ดีกว่าให้พระ “นี่แค่คิดนะ” พระพุทธเจ้าก็พูดกับพระเจ้าเกษมวิโกศลว่า



หลักของการทำบุญนั้นจะสำเร็จได้ต้องประกอบไปด้วยสามประการคือ หนึ่งต้องมีเจตนาที่ดี เจตนาที่ก่อนจะให้ทาน สองคือเจตนาที่กำลังให้ทาน สามคือเจตนาที่หลังจากการให้ทาน เศรษฐีท่านนี้มีทรัพย์สมบัติมากเพราะอดีตชาติได้ถวายอาหารพระปัจเจกของพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีความสุขในการใช้ทรัพย์สมบัติของตัวเอง ก็เพราะว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นเจตนาที่บริสุทธิ์นั้นจึงสำคัญที่สุดนั่นเอง





