


วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 07.00 น. นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยนายกเทศมนตรีเมืองแพร่ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพร่ ผู้อำนวยการกองการศึกษา พนักงานเทศบาล ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาลวัดชัยมงคล ชุมชนร่องซ้อ ชุมชนพระร่วง ชุมชนศรีบุญเรือง สำนักงานอัยการจังหวัดแพร่ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจ.แพร่ สถิติจ.แพร่ สโมสรไลออนส์แพร่ สโมสรโรตารี สโมสรโรตารีเวียงโกศัย สโมสรฟุตบอลแพร่ยูไนเต็ด ชมรมร้านอาหารแผงลอย ชมรมช่างเสริมสวยจังหวัดแพร่ ชมรมช่างเสริมสวยเทศบาลเมืองแพร่ และคณะศรัทธาสาธุชน ร่วมทำบุญตักบาตร ณ บริเวณประตูชัยกำเเพงเมืองแพร่ (เมก)



จากนั้นรับฟังคติธรรมจากคณะพระสงฆ์วัดหัวข่วง ความว่า การทำบุญตักบาตรเรียกว่าเป็นการบำเพ็ญทานอย่างหนึ่ง ก็คือการให้นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิ่งของทั้งหลายทั้งปวง หรือการให้อภัยทานก็ตาม แล้วก่อให้เกิดเป็นกุศลผลบุญขึ้นมา การที่จะบำเพ็ญทานได้สำเร็จสมบูรณ์ได้นั้นจะต้องประกอบไปด้วยเจตนาที่ดี 3 ประการ คือ 1) ปุพพเจตนา คือเจตตาก่อนที่จะให้ ก็ต้องตั้งจิตตั้งใจให้ดี 2) มุญจนเจตนา คือเจตนาขณะให้ ต้องให้ด้วยความเบิกบานใจความบริสุทธิ์ใจ 3) อปรเจตนา คือเจตนาหลังจากการให้ เมื่อให้ไปแล้วไม่เกิดความตระหนี่ถี่เหนียว คิดว่าให้ไปแล้วไม่ให้ดีกว่า เช่น พระองค์นี้ไม่สำรวมเลย





เพราะฉะนั้นเราต้องทำเจตนาที่บริสุทธิ์จึงจะสมบูรณ์ มีเรื่องเล่าอีกนิดนึง “เจตนา” ที่เราตั้งใจทำกันมาเนี่ยแต่สุดท้ายอานิสงส์ผลบุญมันหายไปหมดเลย คือในประเทศอินเดีย ครั้งหนึ่งมีการปฏิบัติธรรมอยู่แห่งหนึ่ง ใช้เวลา 7 วัน ซึ่งมีคนไปร่วมแสวงบุญกว่าหมื่นๆ คน ในช่วงเวลาปฏิบัติธรรมทุกคนอยู่ในระเบียบวินัยเป็นอย่างดี แต่พอครบ 7 วัน



หลังเสร็จสิ้นจากการปฏิบัติธรรมออกมาแล้ว ก็พากันรอขึ้นรถไฟซึ่งก็มีอยู่ขบวนเดียว ต่างพากันแย่งขึ้นรถไฟกัน ระเบียบวินัยที่ฝึกปฏิบัติไม่รู้หายไปไหนหมดพากันเหยียบกันตาย อานิสงส์ผลบุญที่ทำมาทั้ง 7 วันนั้น ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นการบำเพ็ญทานบำเพ็ญบุญนั้นอยู่ที่ใจจริงๆ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายรักษาใจให้ดีที่สุดทุกผู้ทุกท่านเทอญ


