นายวรวัจน์ฯเดินหน้าการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หลังวัดพระธาตุช่อแฮ บนถนนป่าแดง-ช่อแฮ-ภูพญาพ่อ เชื่อม อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ หวังผลักดันสร้างป่าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าจังหวัดแพร่
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 14 ม.ค.65 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการ ได้เป็นประธานการประชุมการบูรณาการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ถนนหมายเลข 1022 (หลังพระธาตุช่อแฮ – ภูพญาพ่อ และลำห้วยแม่ก๋อน) มี นายเสรี ทรงศักดิ์ เลขานุการนายก อบจ.แพร่ นายชิดชนก สุขมงคล ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 แพร่ นายสาธุ เกตุแก้ว ผอ.แขวงทางหลวงชนบทแพร่ นายนพดล ใจกลม ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 แพร่ สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดแพร่ สำนักงานจังหวัดแพร่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมจดหมายเหตุ ศาลากลางจังหวัดแพร่
ในการประชุมในครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหาข้อมูลในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบ เช่น น้ำตก ทะเลหมอก จุดกางเต้น หรือจุดเดินป่า โดยมี อบจ.แพร่ จะเป็นฝ่ายสนับสนุนการออกแบบอาคาร หรือพื้นที่ต่างๆ ให้ทันสมัย มีเอกลักษณ์ และเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยจะมีเครื่องจักรกลหนัก อบจ.แพร่ ที่ประจำการอยู่เยอะที่สุดในประเทศ มาช่วยการทำงานหากต้องใช้เครื่องกลหนัก เมื่อได้ข้อมูลแล้ว ก็จะทำเป็นโครงการขนาดใหญ่ เพื่อของบประมาณพร้อมกับการขออนุญาตหน่วยงานต้นสังกัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดย นายวรวัจน์ฯ จะประสานงบประมาณในการก่อสร้าง โดยจะเริ่มการปฏิบัติงานตั้งแต่บัดนี้ เพื่อเป้าหมายในการพัฒนาป่าไม้ของ จ.แพร่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอวดนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ ว่า จ.แพร่ ก็มีธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดในประเทศไทย
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ยังกล่าวอีกว่า จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดที่ถูกกำหนดว่า เป็นจังหวัดที่อยู่กับทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ ที่ผ่านมานั้นจังหวัดแพร่จะถูกกำหนดให้ใช้พื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์เป็นส่วนใหญ่ แต่คราวนี้จะมีการกำหนดให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า คนกับป่าอยู่ร่วมกันแล้วประชาชนก็ต้องมีรายได้ และสามารถมีอาชีพอยู่ได้ และรักษาป่าให้อยู่ได้ เราก็ต้องใช้ป่าอย่างมีเงื่อนไข เพราะฉะนั้นวันนี้ก็มีการพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ จังหวัดแพร่ หน่วยงานท้องถิ่น มาตกลงกันว่าวันนี้ จะพัฒนาป่ากันอย่างไร จะต้องมีการขออนุญาตให้ถูกต้องในการขอใช้พื้นที่ป่า และมีการอนุมัติให้และการอนุรักษ์อย่างถูกต้องด้วย แล้วก็เรื่องของลำน้ำ ก็จะมีการแก้ไขปัญหาในเรื่องของภัยแล้งรวมถึงอุทกภัยในหน้าฝนที่มีอยู่ตลอดเวลา ก็ถือว่าจะเป็นการจัดระเบียบในใช้พื้นที่ป่าและอุทยาน เพื่อให้คนละป่าอยู่ร่วมกัน และรักษาป่าไม้ไม่ให้ถูกทำลายในระยะยาว
ที่ผ่านมาการพัฒนาจังหวัดแพร่ยึดถือว่าเป็นจังหวัดที่มีป่าที่สวยที่สุดจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย นักท่องเที่ยวอยากจะมาเที่ยวป่า มีเยอะแต่ป่าไม้ในจังหวัดแพร่ไม่เคยถูกพัฒนาเลย เราอนุรักษ์อย่างเดียว คำว่าอนุรักษ์คือการกีดกันไม่ให้ใครเข้าไปในป่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีคนเข้าไปตลอดเวลาแล้วก็บุกรุกและทำลาย วันนี้เรากำลังมาจัดระบบมาตั้งกติกาว่า ตรงไหนบ้างที่เข้าได้ เข้าอย่างไร ดำเนินการอย่างไร จะอยู่กันอย่างไร จะมีระบบมีระเบียบมากขึ้น เพื่อให้ป่าไม้ของเรามีความสวยงามและน่าเที่ยว
เมื่อมีการพัฒนา ป่าที่สวยงามอย่างเป็นระบบ และให้ประชาชนใช้ได้อย่างถูกต้องไม่มีการบุกรุกพร้อมกับการออกแบบที่สวยงาม การดำเนินการที่ดี เมื่อวันเวลานั้นนักท่องเที่ยว ที่มีรายได้สูงก็จะมาเที่ยวในพื้นที่ ป่าที่สวยงาม มาดูพระอาทิตย์ขึ้น มาดูพระอาทิตย์ตก มาดูทะเลหมอก นี่คือการพัฒนาที่จะสร้างรายได้ ให้ประชาชนในจังหวัดแพร่ และสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่ ที่สวยงามให้ กับคนไทยที่มาเยี่ยมชมได้ นายวรวัจน์ฯกล่าวปิดท้าย
