ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณี เจ้แหม่ม นางศรีสุดา แก้วดำ อายุ 48 ปี บ้าน หมู่ 6 ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่ แม่ค้าขายทุเรียนในตลาดนาหม้อ อ.ลอง เผยกับ ผู้สื่อข่าวว่าขอเตือนผู้ค้าขายทางออนไลน์ไว้เป็นอุทาหรณ์ กลัวจะโดนหลอกเหมือนเช่นตนเอง ซึ่งสั่งทุเรียนมาจากจันทบุรีมา 3 เจ้า โดนหลอกไป 1 เจ้า อีก 2 เจ้าได้ส่งทุเรียนมาทางไปรษณีย์ และนำรถมาส่งให้ถึงที่ เหลืออีกเจ้าเดียวกำลังติดตาม และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สินทอน กาศสนุก รอง สว.สอบสวน สภ.ลอง เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 คดียังไม่คืบหน้าไปถึงไหน
ทำให้เจ้แหม่ม นางศรีสุดา แก้วดำ หันมาค้าทุเรียนกับพ่อค้าตลาดไท ที่ จ.พิษณุโลก กับ นายพงศ์ ซึ่งเป็นผู้ค้ารายใหญ่ในตลาด โดยลงทุนไปรับทุเรียนเอง แต่แล้วก็ไม่คาดคิดว่าพ่อค้าทุเรียนรายใหญ่รายนี้ จะทำได้ลงคอ ได้นำทุเรียนหนุ่มซ่อนปะปนมากับทุเรียนแก่มาเป็นจำนวนมาก ครั้งแรกก็ทำมาค้าขายกันดี พอคบกันไปนานก็แผลงฤทธิ์
โดยนางศรีดา พร้อมด้วยพ่อค้า แม่ค้าทุเรียนเมืองลอง ได้หอบหลักฐานสั่งซื้อทุเรียนติดต่อกับนายพงศ์ มีการโอนเงิน ไปให้หลายครั้ง ได้ทุเรียนไม่แก่รวมปะปนมากับเข่งทุเรียน โดยนำทุเรียนดีไว้ข้างบน เอาทุเรียนหนุ่ม ไว้ข้างล่าง โดย นางศรีดา ได้เดินทาง ไปร้องทุกข์ที่ ศูนย์ดำรงธรรม จ.แพร่ เมื่อบ่ายวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์ ได้ตรวจสอบดูเอกสารหลักฐานแล้ว พบว่า เป็นมูลค่าเงินกว่า สามแสนบาท ถือว่าเป็นการฉ้อโกงจึงแนะนำให้ยื่นร้องที่สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฏหมายและการบังคับคดีจังหวัดแพร่
จากนั้นนางศรีสุดา พร้อมด้วยตัวแทน ได้พบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดแพร่ ซึ่งได้รับเรื่องไว้และสอบถามรายละเอียด ซึ่งนางศรีสุดา ได้เล่าถึงพฤติกรรมของนายพงศ์ พ่อค้าทุเรียนในตลาดไท พิษณุโลกทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ฟัง โดยนางศรีสุดา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทางสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดแพร่จะได้ติดตามให้การช่วยเหลือต่อไป ทำให้นางศรีสุดา ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ได้ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้