
(Thailand Zero Dropout)
วันที่ 8 เม.ย.68 เวลา 09.30 น.ที่ห้องประชุมจดหมายเหตุ ศาลากลางจ.แพร่ นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล รองผู้ว่าราชการเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์(Thailand Zero Dropout) ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายปฏิรูปการศึกษาและให้ความสำคัญในการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาหรือพัฒนาศักยภาพตามความถนัดของผู้เรียน รวมถึงการส่งเสริมการสร้างรายได้ระหว่างเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพต่อไปในอนาคต ประกอบกับคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ได้มีมติรับทราบและเห็นชอบมาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout)

ในส่วนของจ.แพร่ ได้ขับเคลื่อนแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) ซึ่งหน่วยงานทางการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดแพร่ ได้ร่วมกันขับเคลื่อนแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่รัฐบาลได้เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการค้นหา ติดตาม และดูแลช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่อยู่นอกระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ตามศักยภาพเพื่อพัฒนาในการประกอบอาชีพ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และการพัฒนาประเทศในอนาคตตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗ ทุกจังหวัดจะ Kick off กระบวนการค้นหาและช่วยเหลือเด็กนอกระบบการศึกษาทั้งประเทศ ข้อมูลเดือนมกราคม ๒๕๖๘ จังหวัดแพร่มีข้อมูลรอการตรวจสอบ จำนวน29ราย

ทั้งนี้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแพร่ ได้ดำเนินการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่ามีการติดตามครบ 100%

นายสุทิน จันทรวรเขตต์ ศึกษาธิการจ.แพร่ กล่าวต่อไปว่า เพื่อเป็นการติดตามข้อมูลเด็กวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษา (เด็กตกหล่น) ให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา จึงแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ Thailand Zero Dropout ระดับจังหวัด เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชน ที่หลุดจากระบบการศึกษา Zero Dropout ให้ได้มีโอกาสได้รับการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย เพื่อใช้เป็นเป็นฐานข้อมูลในการศึกษาในระดับสูงต่อไป โดยเฉพาะการศึกษาภาคบังคับเพื่อป้องกันเด็กตกหล่นและเด็กออกกลางคันและส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปทุกคนเข้าสู่ระบบการศึกษาต่อไป

