ผลพวงจากน้ำยมท่วมพ่นพิษตลิ่งทรุดห่างบ้าน 2.5 เมตร หวั่นลามถึงบ้านพังไปด้วย เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านของ น.ส.อำพรรณ แมตสิบสอง อายุ 82 ปี บ้านเลขที่ 12 ม.12 ต.ป่าแมต อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ หลังจากที่ได้รับแจ้งว่า ที่บ้านหลังนี้ดินหลังบ้านทรุด หวั่นว่าจะลามเข้าบ้าน
พบว่าที่หลังบ้านติดกับลำห้วยผาคำ ซึ่งเป็นลำห้วยที่ไหลน้ำแม่ยม แต่เมื่อเกิดเหตุ น้ำยมท่วมเมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา ทำให้ น้ำยมหนุน ท่วมบ้านสูงกว่า 2 เมตร และรอบที่ 2 ท่วมเกือบ 1 เมตร ทำให้หลังน้ำลด ดินหลังบ้านจึงทรุดลง เป็นรอยร้าว ยาวกว่า 20 เมตร สูง ประมาณ 1 เมตร และห่างจากตัวบ้าน ประมาณ 2.5 เมตร
น.ส.อำพรรณฯ กล่าวว่า ตอนนี้กลัวดินถล่มมาถึงบ้าน เพราะว่านำหนุน ส่วนดินที่รุด เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ก็มีหน่วยงานมาช่วยเอาไม้มาปัก และถมดินทับ แต่เมื่อนำท่วมครั้งนี้ ทำให้ดินทรุดเป็นครั้งที่ 2 จึงกลัวว่า มันจะส่งผลถึงตัวบ้าน หากยังไม่มีการแก้ไข จึงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยแก้ไขปัญหาให้ด้วย
นอกจากนั้นที่บ้านของ น.ส.จุฑารัตน์ ปวงจันทร์ อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 8/1 ม.12 ต.ป่าแมต อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน พบว่าที่ดินเดิมหายไปกับสายน้ำกว่า 5 เมตร จนน้ำท่วมครั้งล่าสุด ทำให้ดินถล่ม มาถึง ห้องน้ำ จนทำให้คนในบ้านไม่กล้าใช้ เนื่องจากกลัวถล่มตกลงไปในน้ำห้วยผาคำ
น.ส.จุฑารัตน์ฯ เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปัญหาน้ำพัดตลิ่งบ้านพัง เกิดขึ้นตั้งแต่พ่อยังมีชีวิตอยู่ จนตอนนี้พ่อเสียแล้ว เมื่อปี 2554 แต่ที่หลังบ้านก็ถูกน้ำพัด จนที่หายไปประมาณ 5 เมตร ที่บ้าน ย้ายห้องส้วมหนีตลิ่งพัง มาแล้ว 2 ครั้ง จนมาน้ำท่วมครั้งนี้ ดินเริ่มทรุดมาหาส้วมอีกแล้ว ยังไม่มีการแก้ไขอะไรเลย ต้องใช้สแลนกั้นไว้ไม่ให้ใครเข้าใกล้
เบื้องต้นทราบว่าเรื่องนี้ อยู่ในแผนพัฒนาฯแล้ว แต่มันก็นานมาก นานจนพ่อเสีย ย้ายห้องน้ำ 2 รอบ ยังไม่มีการแก้ไข เมื่อไหร่จะมาทำ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการด้วย ไม่อยากย้ายส้วมอีกครั้ง เพราะตอนนี้ ห้ามไม่ให้ใครเข้าส้วมจุดนี้แล้ว หวั่นว่าจะไหลตกไปลำห้วย จึงอยากฝากผู้เกี่ยวข้องด้วย น.ส.จุฑารัตน์ฯ กล่าวปิดท้าย.