สกัดจับขบวนการลักลอบขนไม้ชิงชันส่งนายทุนล็อตใหญ่มูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท

162
0
- ผู้สนับสนุนแพร่ข่าว -

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 24 ก.ย.66 คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อย ตชด.323 กก.ตชด.32 (พะเยา),สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ อำนวยการโดย นายสงคราม ขาวสะอาด ผอ.สจป.3 สาขาแพร่, นายชาตรี สัทธรรมนุวงศ์ ผอ.ส่วนป้องกันฯ โดยชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สจป.ที่ 3  สาขาแพร่,เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.5 (ห้วยแก๊ต),  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดแพร่,เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจไผ่โทน,เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.4 (ร้องกวาง),  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอร้องกวาง​,ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ กรมป่าไม้,เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่),เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ประจำจังหวัดแพร่​

บูรณาการร่วมกันสกัดขบวนการลักลอบขนไม้เถื่อนส่งนายทุนใหญ่และส่งออกนอกประเทศ ที่บริเวณจุดพักรถริมทางถนนทางหลวงหมายเลข 101 ท้องที่บ้านแม่กระทิง  หมู่ที่ 3 ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง จ.แพร่  โดยสามารถร่วมกันตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย รถยนต์จำนวน 2 คัน เป็นรถกระบะตอนเดียว สีขาว ยี่ห้ออิซูซุ ทะเบียน 2ฒข 5539 กรุงเทพมหานคร และ รถยนต์กระบะตอนเดียว สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ ทะเบียน ผก 5668 พิษณุโลก ซึ่งทั้ง 2 คันบรรทุก ไม้กระยาเลย(ไม้ชิงชัน)แปรรูป เต็มท้ายกระบะ มีผ้าใบคลุ่ม ทั้ง 2 คัน รวมจำนวน 40 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 5.97 ลบ.ม. คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐเป็นจำนวนเงิน 1,791,000 บาท(หนึ่งล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นหนึ่งพันบาทถ้วน) แต่คนขับรถทั้ง 2 คัน หลบหนีไปได้

สำหรับการบูรณาการการจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจาก ชุดปฏิบัติการได้รับแจ้งจากสายข่าว (ไม่ประสงค์ออกนามหวังรางวัลสินบนนำจับ) แจ้งว่าคืนนี้จะมีการลักลอบขนไม้ผิดกฎหมายโดยใช้รถยนต์ จำนวน 2 คัน ขนย้ายไม้จากบ้านบ่อหอย ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน เพื่อที่จะนำไม้ไปส่งยังเขตพื้นที่ จ.แพร่ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงร่วมกันวางแผนออกตรวจสอบ ซึ่งระหว่างนั้นได้รับแจ้งว่ารถต้องสงสัย ขับออกจากพื้นที่มาแล้ว จนกระทั่งเวลา 04.40 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบรถยนต์กระบะต้องสงสัย ซึ่งตรงตามที่ได้รับแจ้ง จอดอยู่ที่จุดพักรถริมทางถนนทางหลวงหมายเลข 101 ท้องที่บ้านแม่กระทิง หมู่ที่ 3 ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ไม่พบคนขับรถทั้ง 2 คัน และประตูรถก็ล็อคไว้ด้วย ซึ่งคาดว่าคนขับทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมจึงได้หลบหนีไป

จากการตรวจสอบพบว่ารถทั้ง 2 คัน กระบะท้ายปิดคลุมด้วยผ้าไปสีเขียวขี้ม้า ถูกรัดด้วยเชื่ออย่างหนาแน่น เมื่อเปิดผ้าใบออกพบ ไม้กระยาเลย(ไม้ชิงชัน)แปรรูป บรรทุกอยู่เต็มท้ายกระบะ ตรวจสอบไม้แล้ว พบว่าไม้แปรรูปดังกล่าวมีลักษณะใหม่ ดิบ สด และไม่พบรูปรอยดวงตราของพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ภาคเอกชนตีประทับไว้ที่ส่วนต่างๆ แต่อย่างใดและไม่มีร่องรอยที่แสดงว่าผ่านการเป็นสิ่งปลูกสร้าง เครื่องเรือนเครื่องใช้แต่อย่างใด คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเชื่อว่าไม้แปรรูปทั้งหมดเป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ประสานพนักงานสอบสวน สภ.ไผ่โทน เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ และตรวจค้นภายในรถ เพื่อหาหลักฐานต่างๆ ในการติดตามตัวคนขับรถ หรือผู้เกี่ยวข้อง และบันทึกที่เกิดเหตุเป็นหลักฐาน

จากนั้นจึงมอบหมายให้  ร.ต.ต.ภูดิส ต๊ะนิล  ตำแหน่ง  รอง สว.(ป.) กก.ตชด.32 เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยกล่าวหาว่ากระทำผิด  ตามพระราชบัญญัติป่าไม้  พุทธศักราช 2484  มาตรา 48 ฐาน “ ร่วมกันมีไม้กระยาเลยหวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” มาตรา 70 “ผู้ใดรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่ายหรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่าที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ใดได้มาโดยการกระทำผิดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ มีความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำผิดนั้น”จากนั้นได้นำไม้ของกลางและอุปกรณ์ในการกระทำความผิดได้มอบหมายให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.5 (ห้วยแก๊ต) เก็บรักษาตามระเบียบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจับกุมขบวนการลักลอบขนไม้เถื่อนในพื้นที่ จ.แพร่ แต่ละครั้งนั้น จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมต่างทุมเทสรรพกำลังและความมุ่งมันในการทำงาน อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน แม้ว่าจะดึกดื่นเที่ยงคืน หรือ จนถึงสว้าง นับเป็นความคาคภูมิใจของหน่วยงานทั้งหมดที่มีบุคคลากรที่ทำงานแบบ ทุ่มเท ในการปราบปรามขบวนการลักลอบขนไม้เถื่อนให้สิ้นซาก จึงเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง