วันพุธที่ 2 สิงหาคม 2566 เวลา 07.00 น. นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพร่ เจ้าหน้าที่กองการศึกษา สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองแพร่ ผู้อำนวยการสถานศึกษาและคณะครูโรงเรียนเทศบาลวัดชัยมงคล ชุมชนร่องซ้อ ชุมชนพระร่วง ชุมชนศรีบุญเรือง สโมสรไลออนส์แพร่ สโมสรโรตารี สโมสรโรตารีเวียงโกศัย สโมสรฟุตบอลแพร่ยูไนเต็ด ชมรมร้านอาหารแผงลอย ชมรมช่างเสริมสวยจังหวัดแพร่ ชมรมช่างเสริมสวยเทศบาลเมืองแพร่ และคณะศรัทธาสาธุชนร่วมทำบุญตักบาตร ณ บริเวณประตูชัยกำเเพงเมืองแพร่ (เมก)
จากนั้นได้รับฟังคติธรรมจากคณะพระสงฆ์วัดเมธังกราวาส (น้ำคือ) ความว่า “ทางสายกลาง” หรืออริยสัจ4 บางคนบางท่านไม่เข้าใจทางสายกลาง เราทำอยู่ 4 ข้อ 4 คู่ พอแล้ว อาตมาเรียกว่าสมดุล คู่ที่ 1 สมดุลทางกายสมดุลทางใจ เช่น ดูแลผิวพรรณ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ แต่บางคนลืมดูแลทางใจบางครั้งปล่อยมันไหลไปกับกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลงเกิดขึ้น คนในสมัยก่อนฉลาดมาก อยากให้ดูแลทางใจทำยังไง ในหนึ่งอาทิตย์ให้มีวันโกนวันพระขึ้น 1 ครั้ง
เพื่อให้ดูแลทางใจ ถ้าเราทำทั้งคู่ได้ดีมันจะเป็นรากฐานของชีวิต คนโบราณบอกว่าฐานของตึกคืออิฐ ฐานของชีวิตคือการศึกษา ทีนี้เปลี่ยนจากฐานของชีวิตคือธรรม ธรรมกับการศึกษาคือเรื่องเดียวกัน คือ ไตรสิกขา ศึกษาทั้งสามด้านของชีวิต คือ 1) ด้านศีล คือ พฤติกรรม 2) ด้านจิตใจ คือ สมาธิและอารมณ์ และ 3) ด้านปัญญา คือ การรู้เท่าทันโลกและชีวิต เพราะฉะนั้นดูแลทางกายไม่พอต้องดูแลทางใจด้วย ต่อมาคู่ที่ 2 สมดุลทางงานสมดุลทางชีวิต ทำงานไปด้วยต้องดูแลสุขภาพไปด้วย คู่ที่ 3 สมดุลทางโลกสมดุลทางธรรม บางคนรู้จักทำมาหากิน รู้จักมีครอบครัว แต่พอความทุกข์เกิดขึ้นกลับไม่รู้
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าคนเราจะเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้จะต้องมีตาสองข้าง หนึ่งตาทางโลก รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดอย่างไรในโลก สองตาทางธรรม รู้การบริหารจัดการชีวิตและกิเลส และคู่สุดท้ายคู่ที่ 4 สมดุลทางส่วนรวมและสมดุลทางส่วนตัว บางคนชอบมากงานสังคม แจกของ แจกผ้าห่ม ช่วยเหลือน้ำท่วม แต่พอเข้าบ้านไม่คุยกับพ่อกับแม่ ไม่ทานข้าวกับลูก เราต้องทำให้คนรอบตัวเสียก่อนแล้วค่อยไปทำให้คนอื่น อย่าสุดโต่งเกินไป นี่แหล่ะคือ “ทางสายกลาง”
