สุรสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขต 2 เบอร์ 5 ขอโอกาสเข้าสภาฯเลือกคนพื้นที่ ทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชน

152
0
- ผู้สนับสนุนแพร่ข่าว -

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 นายสุรสิทธิ์  เพชรปิตุพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขต 2 เบอร์ 5 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมงานร่วมอนุโมทนาบุญในพิธีอุปสมบท บ้านแม่หล่ายกาซ้อง ต.แม่หล่าย อ.เมือง

พร้อมกันนี้นายสุรสิทธิ์ฯ ได้นำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ มาบอกกล่าวกับชาวบ้านที่มาร่วมงานบุญว่าที่ตนอาสาเข้ามารับใช้พ่อแม่พี่น้อง เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วยพื้นที่ อำเภอเมืองแพร่ (เฉพาะตำบลวังธง ตำบลวังหงส์ ตำบลท่าข้าม ตำบลแม่ยม ตำบลห้วยม้า ตำบลแม่หล่าย และตำบลแม่คำมี) อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอร้องกวาง อำเภอสอง เพราะตนรู้ดีว่าคนบ้านเรานั้นติดขัดตรงไหนในการใช้ชีวิตประจำวัน ผมนายสุรสิทธิ์ คนนี้เป็นคนในพื้นที่อยู่มาตั้งแต่เกิดจึงขออาสามาช่วยพ่อแม่พี่น้องให้อยู่ดีกินดี โดยขอให้ผมได้เข้าไปนั่งในสภาผู้แทนราษฎรก่อน ถึงจะมีสิทธิ์ มีเสียง เอาความต้องการของประชาชนไปบอกกับรัฐบาลรับรู้ได้

ที่ผมเลือกลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐนั้นเพราะเห็นนโยบายแล้ว สอดคล้องที่จะมุ่งฟื้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาครบทุกมิติให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย “นโยบาย 3 เร่งด่วน 8 เร่งรัด” โดย 3 นโยบายเร่งด่วน ได้แก่ 1.แก้หนี้ประชาชน ผู้ประกอบการให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนด้วยวิธีใหม่ ควบคู่สร้างโอกาสใหม่ โดยทำทันที 2.ดูแลสวัสดิการ เสริมทักษะ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3. การยกระดับคุณภาพชีวิตทุกช่วงวัย

ส่วน “8 นโยบายเร่งรัด” นั้นทางพรรคได้วางรากฐานเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1.ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชนเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว 2. ยกเครื่องภาคอุตสาหกรรมเดิม สู่เศรษฐกิจใหม่ในอุตสาหกรรม S-curve เพื่อขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจ BCG 3. เร่งพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ ทั้งอีอีซี และขยายพื้นที่ยุทธศาสตร์ใหม่ 4. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทุกระบบทั้งถนน ราง น้ำ และอากาศ รวมถึงพัฒนาโครงเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่การต่อยอดพร้อมเพย์ และเป๋าตังค์ ให้คนไทยเข้าสู่ Digital Economy อย่างแท้จริง

5. พัฒนาทรัพยากรมนุษย์รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งระดับ ปวช. ปวส. ให้เรียนฟรีมีงานทำ พัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมแหล่งงาน เพื่อสร้างรายได้ระหว่างเรียน ส่วนแรงงานเดิมจะส่งเสริมเข้าโปรแกรมเพิ่มทักษะให้สอดรับกับอุตสาหกรรมสมัยใหม่  6.ปฎิรูประบบราชการ แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพื่อส่งเสริมให้เกิดเอสเอ็มอีที่มีความเข้มแข็ง 7. ปฏิรูประบบงบประมาณ กระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น สู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เพื่อเข้าสู่งบประมาณสมดุลในระยะยาว เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนพื้นที่ได้อย่างตรงจุด และ 8. ต่อต้านคอร์รัปชั่นเต็มรูปแบบ สร้างระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ เพิ่มโทษนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชันเป็นสองเท่า รวมถึงใช้เงินดิจิทัล มีเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะนำมาใช้ในโครงการประมูลภาครัฐขนาดใหญ่ มีกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท.

***ประชาชนคือเจ้านาย เลือกคนพื้นที่ ทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชน***