
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ.66 ที่ผ่านมา กลุ่มภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบจังหวัดแพร่ ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย และกลุ่มเกษตรกร เครือข่ายชาวไร่ยาสูบแพร่และเชียงราย จำนวนกว่า 30 ราย เข้าพบ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู นายกสมาคมกีฬาจังหวัดแพร่ ณ สำนักงาน สส.ศิริวรรณฯ ต.เหมืองหม้อ อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ โดยยื่นหนังสือผ่านถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อ ขอให้ช่วยติดตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการผลิตยาสูบที่สูงขึ้นให้กับเกษตรผู้เพาะปลูกยาสูบ

โดยเนื้อหาในหนังสือลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ล่าสุดว่า การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ได้รับผลกระทบภายหลังจากการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่เมื่อเดือนตุลาคม 2560 และการปรับขึ้นภาษีครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ทำให้รายได้ของ ยสท. ลดลงอย่างต่อเนื่องจากที่เคยมีกำไรกว่า 9 พันล้านบาท จนเหลือเพียงราว 100 ล้านบาททำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมหาศาล เพราะราคาบุหรี่ของ ยสท. มีการปรับขึ้นมากจากเดิมจนส่งผลให้คนสูบบุหรี่หันไปสูบบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น ด้วยราคาที่ต่ำกว่าบุหรี่ของ ยสท. หลายเท่าตัว และยังต้องแข่งขันกับบุหรี่นำเข้า ทำให้ ยสท. จำเป็นต้องต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ระยะสั้นโดยวิธีกู้เบิกเกินบัญชี วงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องและใช้เป็นทุนหมุนเวียน เพื่อให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ พร้อมกับมีการเร่งรัดให้ทบทวนโครงสร้างและอัตราภาษีสรรพสามิตให้เหมาะสม (สิ่งที่ส่งมาด้วย 1) นั้น

ในนามตัวแทนของภาคีชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวแทนชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศกว่า 30,000 ครอบครัว จากทั้ง 3 สายพันธุ์ใน 14 จังหวัด ได้แก่ ชาวไร่ยาสูบสายพันธุ์เวอร์ยีเนีย ใน 7 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ และน่าน ตัวแทนชาวไร่ยาสูบสายพันธุ์เบอร์เลย์ 2 จังหวัดภาคกลางได้แก่ สุโขทัย และ เพชรบูรณ์ อีกทั้งตัวแทนของชาวไร่ยาสูบสายพันธ์เตอกีซใน 5 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม นครพนม กาฬสินธุ์ และ สกลนคร ขอเรียนว่า การดำเนินงานของ ยสท. นั้นมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราภาคีชาวไร่ยาสูบเป็นอย่างมาก โดยตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมาที่มีการนำโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบแบบ 2 อัตรา (บุหรี่ราคาถูกเสียภาษีถูกกว่าบุหรี่ราคาแพง) มาใช้เป็นครั้งแรก ทำให้เราถูกปรับลดโควต้ารับซื้อใบยาสูบลงมาถึงร้อยละ 50 มาเป็นระยะเวลา 5 ปี ติดต่อกันแล้ว

ทำให้ในแต่ละปีเท่ากับเงินกว่า 1 พันล้านบาทที่เป็นเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นจะต้องสูญหายไปจากชุมชนเศรษฐกิจในท้องถิ่น จนบัดนี้หลังจากที่มีการปรับนโยบายภาษียาสูบไปล่าสุดได้ส่งกระทบผลการดำเนินงานของ ยสท. อย่างหนักอีกครั้ง โอกาสที่พวกเราชาวไร่ยาสูบจะสูญเสียรายได้และอาชีพที่ทำต่อเนื่องกันมาหลายชั่วอายุคนเป็นไปได้สูงและต้องกลาย เป็นภาระของรัฐบาลอีกครั้งทุกวันนี้เกษตรกรชาวไร่อย่างพวกเราต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก เพราะข้าวของแพงขึ้นแต่รายได้กลับมีแต่ลดลงเรื่อย ๆ พวกเราจึงอยากขอให้รัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นใจประชาชนให้มีหนทางทำกินและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างเพียงพอ โดยช่วยรีบเร่งแก้ไขปัญหาโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบให้มีความเหมาะสมและให้เสร็จทันก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพื่อช่วยให้ ยสท. มีกำไรที่ดีขึ้นเพียงพอต่อการดูแลชาวไร่ยาสูบในสังกัดทั้งในด้านเงินชดเชยโควต้าฤดูการผลิตที่ผ่านมาจำนวน 3 ปี และเงินช่วยเหลือโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการผลิตยาสูบที่สูงขึ้นให้กับเกษตรผู้เพาะปลูกยาสูบฤดู 2565/2566 ที่ยังรอการอนุมัติจากรัฐบาลของรวมทั้งทบทวนการใช้โครงสร้างภาษีแบบ 2 อัตราว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะตั้งแต่มีการนำมาใช้ก็ส่งผลกระทบให้บุหรี่ต่างประเทศลงมาขายแข่งกับ ยสท. ในบุหรี่กลุ่มราคาถูกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และส่งผลให้สัดส่วนการตลาดของ ยสท. ลดลงจนกระทบต่อชาวไร่ยาสูบซึ่งเป็นต้นน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ตามข่าวได้ระบุว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้มีการพิจารณาทบทวนโครงสร้างภาษียาสูบให้เหลือเพียงอัตราเดียว ในเดือนกันยายน 2564 และสิงหาคม 2565 โดยเร็ว (สิ่งที่ส่งมาด้วย 2) ซึ่งบัดนี้ก็ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี 6 เดือนแล้ว แต่พวกเราก็ยังไม่เห็นมีการดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด ขณะที่นับวันผลการดำเนินงานของ ยสท. มีแต่ทรุดกับทรุดลง จนจะเลิกขายบุหรี่แล้วหันไปรับจ้างผลิตบุหรี่กับปล่อยเช่าที่ดิน พวกเราจึงอยากขอให้ท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วยกรุณาให้ความเมตตาแก่พวกเรานำเสนอ ท่านนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณาสั่งการให้กระทรวงการคลังเร่งรัดพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบที่เป็นปัญหาในปัจจุบันอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีของท่านนายกฯ ที่ได้สั่งการไว้ตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว เพื่อช่วยฟื้นฟูกิจการของ ยสท. ให้กลับมามีกำไรพอเลี้ยงตัวเองและชาวไร่ยาสูบในสังกัดได้ และแก้ไขปัญหาการขยายตัวของบุหรี่เถื่อนที่มีการแพร่หลายเกินกว่าที่จะภาครัฐจะปราบปรามได้

พวกเราภาคีชาวไร่ยาสูบขอเรียนว่าหากรัฐบาลไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีในเร็ววันนี้ ยสท. คงมีแต่แย่ลงและอาจต้องเข้าฟื้นฟูกิจการดังเช่นรัฐวิสาหกิจอื่น- ๆ การจำหน่ายบุหรี่ถูกกฎหมายทั้งหมดในประเทศไทยจะได้รับผลกระทบ และที่สำคัญที่สุดคือผลกระทบที่มีต่อชาวไร่จะหนักหนาถึงขั้นที่ทำให้อาชีพชาวไร่ยาสูบอย่างพวกเราสูญสิ้น รายได้ของรัฐจากภาษีสรรพสามิตยาสูบปีละกว่า 60,000 ล้านบาทจะหายไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในวงกว้าง ทั้งชาวไร่กว่า 30,000 ครอบครัว และร้านค้าปลีกกว่า 500,000 ร้านทั่วประเทศ

ในการนี้ เราในฐานะตัวแทนชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศใคร่ขอให้ท่านฯ นำปัญหาความเดือดร้อนนี้แจ้งแก่ท่านนายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงการคลังเร่งรัดพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบที่เป็นปัญหาและขอความกรุณาเร่งรัดอนุมัติโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการผลิตยาสูบที่สูงขึ้นให้กับเกษตรผู้เพาะปลูกยาสูบสำหรับฤดูกาลผลิต 2565/2566และหากท่านจะเมตตาเราขอความกรุณาท่านให้โอกาสภาคีชาวไร่ยาสูบได้เข้าพบกับท่านเพื่ออธิบายในเรื่องนี้ในวันและเวลาที่ท่านสะดวก และขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ขอแสดงความนับถืออย่างสูง นายล้วน ร่องแก้ว ประธานกลุ่มเครือข่ายชาวไร่ยาสูบจังหวัดแพร่ ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย และกลุ่มเกษตรกร
