เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 มิ.ย.65 อดีตรัฐมนตรีดร.วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล พร้อมด้วย นางพรรณี แสงสันต์ ตัวแทนพรรคเพื่อไทยประจำจังหวัดแพร่ และทีมงานลงพื้นที่ บ้านแม่จอก หมู่ 4,5,9 ต.แม่ป้าก อ.วังชิ้น จ.แพร่ เพื่อพบปะเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน โดยมี นายไพรัตน์ บัญสว่าง นายก อบต.แม่ป้าก นายพยุง จักรดี ผญบ.ม.5 ต.แม่ป้าก และชาวบ้านมาร่วมต้อนรับและรายงานปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ ดร.วรวัจน์ฯ ช่วยเหลือ โดยเฉพาะทุเรียนสายพันธุ์พื้นเมืองของชาว อ.วังชิ้น ที่เสียเร็ว
โดย นางกุลชา บัญสว่าง ส.อบจ.วังชิ้น เขต 1 เผยว่าช่วงที่ผ่านมา ตนเองและนายไพรัตน์ฯ ได้รับทราบจากพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกทุเรียนในพื้นที่ว่าหากวันไหนที่ฝนตกพรำๆ เกษตรกร จะได้รับความเดือดร้อนก็คือ ทุเรียนขายไม่ได้ ทำให้ทุเรียนเสีย โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์พื้นเมือง ที่เป็นเอกลักษณ์ของ ต.แม่จอก มาแล้ว ร้อยกว่าปี ซึ่งทุเรียนพันธุ์พื้นเมือง จะออกเองตามธรรมชาติ ต้นสูงใหญ่ ไม่สามารถขึ้นไปตัดเก็บได้ ต้องอาศัยให้มันหล่นลงมาเอง เมื่อชาวบ้านไปเก็บมาขาย ก็จะเก็บไว้ได้ไม่นาน เมื่อฝนตกขายไม่ได้จึงทำให้เสียหาย ไม่เหมือนทุเรียนหมอนทอง ก้านยาว หรือทั่วไป จึงอยากให้มีการช่วยเหลือ ตนเองได้ประสานไปยังท่าน ส.ส.วรวัจน์ ทำให้เกิดการเสวนาวันนี้
ต่อมาทางทีมงาน ได้นำผลิตภัณฑ์ ที่แปลรูปโดยโรงงานแปลรูปอาหารที่ ต.แม่จั๊วะ อ.เด่นชัย มาให้เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนได้ลองชิม ซึ่งมีทั้ง ข้าวแต๋นหน้าทุเรียน ทุเรียนเชื่อม(พันธุ์พื้นเมือง) ข้าวเหนียวหน้าทุเรียน ส้มตำทุเรียน ข้าวเหนียวน้ำทุเรียน ที่ทำเป็นตัวอย่างมาให้ชาวบ้านได้ชิม เพื่อจะได้เป็นตัวเลือกในการแปรรูปสินค้า เบื้องต้น จะมีการตั้งกลุ่ม เป็นวิสาหกิจชุมชนขึ้น เพื่อ รวมตัวกันเป็นกลุ่ม และส่งตัวแทนไปอบรมเกี่ยวกับการปลูก การดูแลทุเรียน จากนั้นให้ตั้งทีมงาน เพื่อการประสานงาน ในการส่งทุเรียนเข้าโรงงาน โดยงานนี้ ดร.วรวัจน์ ได้ควักเงิน 3 แสนบาท ในการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนกลุ่มนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปลูกทุเรียนที่เดือดร้อน และจะมีการประสานงาน ขนส่งทุเรียนยามที่มันล้นตลาดต่อไป
ดร.วรวัจน์ฯ เผยว่าวันนี้ได้มาลงพื้นที่จริงของสวนทุเรียน อ.วังชิ้น ซึ่งจะเห็นว่าทุเรียนที่นี่มีคุณภาพดีมาก เป็นเพราะว่าเป็นพื้นที่ละติจูดที่ 18 ทำให้มีช่วงแสงยาวนาน ทำให้ทุเรียนได้สังเคราะห์อาหารอย่างเต็มที่ ทุเรียนบ้านแม่จอก อ.วังชิ้น มีทุเรียนคุณภาพสูง มีรสชาติหวาน เนื้อละเอียด ไม่มีเสี้ยน ส่วนหนึ่งในพื้นที่จะเป็นทุเรียน หมอนทอง ก้านยาว หลง หลิน ไปแล้ว แต่ก็มีบางพื้นที่เป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองอยู่ แต่ในระยะ 3 ปี เราจะให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ ที่มีคุณภาพ ตลาดต้องการ ระหว่างนั้นเราจะนำทุเรียนพื้นเมืองไปแปรรูปเป็น ข้าวแต๋นหน้าทุเรียน ข้าวเหนียวหน้าทุเรียน หรือส้มตำทุเรียน อีกทาง ซึ่งอีกไม่นาน ท่านจะได้ชิมอาหารแปรรูปจากทุเรียนแม่จอก หรืออาจจะผลักดันส่งนอกก็เป็นได้
เมื่อ 18 ปี ที่แล้ว ตนเองได้มองเห็นว่าทุเรียนจะเป็นผลไม้ที่จะสร้างรายได้ในอนาคต ตนเองจึงได้ให้ชาวบ้านแม่จอก อ.วังชิ้น ปลูกทุเรียน และทำการปรับปรุงตัดต่อกิ่ง จนทุเรียนแม่จอก สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน จนบางรายมีรายได้นับล้านต่อปี ดังเช่นปัจจุบัน ซึ่งตนเองก็จะสนับสนุนต่อไป เพราะตนเองก็เป็นคนที่กินทุเรียนและศึกษามายาวนาน ยืนยันว่า ทุเรียนแม่จอก คือ ทุเรียนคุณภาพอันดับหนึ่งแน่นอน ดร.วรวัจน์ กล่าวปิดท้าย.
