


วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 เวลา 07.00 น. นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพร่ สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองแพร่ พนักงานเทศบาล ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาลวัดเหมืองแดง สโมสรไลออนส์แพร่ สโมสรลีโอแพร่ สโมสรโรตารี สโมสรโรตารีเวียงโกศัย สโมสรฟุตบอลแพร่ยูไนเต็ด ชมรมร้านอาหารแผงลอยและพี่น้องประชาชน ร่วมกิจกรรมตักบาตรบนเมก ร่วมสร้างบุญสร้างกุศลและเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว



อีกทั้งเชิญชวนประชาชนแต่งกายด้วยผ้าพื้นเมือง และรณรงค์การใช้ตะกร้าหรือถุงผ้าแทนถุงพลาสติกในการใส่ของทำบุญตักบาตร ณ บริเวณประตูชัยกำเเพงเมืองแพร่ (เมก)



จากนั้นได้รับฟังธรรมเทศนา คติธรรมจากคณะพระสงฆ์วัดศรีบุญเรือง ว่าด้วยเรื่องของ “รากเหง้าฝ่าวิกฤติ” ถ้าโยมนึกถึงต้นไม้ใหญ่ๆ ที่ผ่านวันคืนเจริญเติบโต ผ่านการรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย พอมันโตเต็มที่ 7 คนโอบ 10 คนโอบ ทีนี้รากเค้าก็แผ่กว้างและหยั่งลึกลงไป ทำให้เวลาเกิดลมพายุมาหรือน้ำท่วมก็ตาม ต้นไม้ใหญ่ไม่หักโค่นเพราะว่ามีรากยึดเหนี่ยวดินไว้และหาอาหาร ในขณะที่ต้นเล็กๆ ที่ยังไม่เจริญเติบโต เวลาพายุมาหรือน้ำท่วมรากมันยังยึดเหนี่ยวไว้ไม่มากพอก็จะตายได้ เหมือนชีวิตญาติโยม รากเหง้าสังคมไทย นอกจากเราจะต้องมีอาชีพสุจริตเป็นรากเหง้าและมั่นคงของครอบครัวแล้ว รากเหง้าต้นทุนทางศาสนา หากโยมนำมาใช้ปฏิบัติจริงอาตมาว่า ทาน ศีล ภาวนา 3 ประการนี้ก็เพียงพอแล้วในช่วงวิกฤติโควิด-19 นี้ ทาน คือการให้กำลังใจ ให้สิ่งของ ให้โอกาส ศีล คือเรื่องพฤติกรรม ไม่ว่ากล่าวให้ร้ายหรือพูดไม่ดีต่อกัน ไม่เบียดเบียนกัน ภาวนา คือสังคมมีสติไม่ให้ความโกรธ ความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษยาครอบงำ ทำให้ยกระดับคุณภาพของตัวเราทางสังคม “เราจะฝ่าวิกฤติไปเหมือนกับที่ต้นไม้ใหญ่ฝ่าวิกฤติน้ำท่วม ลมพายุ เพราะรากมันหยั่งลึกฉันใด ถ้าโยมมีรากเหง้าความดีงามทางพุทธศาสนาแล้วนำมาดำเนินชีวิต ก็จะทำให้มีความเจริญงอกงามและใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขฉันนั้น”












