จังหวัดแพร่ ปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในผู้เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดแพร่ ให้เข้มข้นขึ้น โดยได้จัดทีมเฝ้าระวังและสุ่มตรวจ ATK พร้อมจุดบริการนัดฉีดวัคซีนในสถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองแพร่
นายแพทย์ขจร วินัยพานิช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่ กล่าวว่า จากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์เป็นสิ่งที่น่ากังวล โดยเฉพาะสายพันธุ์ “โอไมครอน” แม้ว่าจังหวัดแพร่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ “โอไมครอน” แต่เนื่องจากมีการเปิดให้เดินทางระหว่างประเทศ และประเทศไทยพบมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ “โอไมครอน” แล้ว กระทรวงสาธารณสุขจึงได้มีการพิจารณายกระดับและปรับมาตรการในผู้ที่เดินทางเข้าประเทศให้เข้มข้นขึ้น โดยให้กักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการก่อน เมื่อพบว่าปลอดเชื้อ จึงจะอนุญาตให้เดินทางต่อได้
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่ จึงได้ดำเนินการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในผู้เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดแพร่ให้เข้มข้นขึ้น โดยบูรณาการงานร่วมกับ ขนส่งจังหวัดแพร่ เทศบาลเมืองแพร่ สาธารณสุขอำเภอเมืองแพร่ และผู้ประกอบการขนส่งจังหวัดแพร่ ในวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ได้ตั้งจุดตรวจ ATK และจุดนัดฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองแพร่ เพื่อสุ่มตรวจ ATK และอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร-ผู้เดินทาง ในการเข้าถึงวัคซีน การดำเนินการดังกล่าว อาจทำให้ประชาชนบางส่วนเกิดความไม่สะดวกโดยเฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นในการเดินทาง ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องชาวแพร่ เพราะแม้ผู้เดินทางจะผ่านระบบคัดกรองจากต้นทาง ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะไม่พบเชื้อ
นอกจากนี้ จังหวัดแพร่ได้เตรียมแผนในการรองรับสถานการณ์ และได้กำชับมาตรการ Covid free setting ในพื้นที่ต่างๆ การอนุญาตให้จัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยให้ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และการเตรียมความพร้อมสถานที่กักตัว, HI, CI, และสถานรักษาของโรงพยาบาลอีกด้วย
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ขณะนี้ประชาชนชาวแพร่ได้รับการฉีดวัคซีนฯ ครอบคลุม 76.83% บริการฉีดสะสม 483,131โดส โดยได้ค้นหาผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในกลุ่ม 608 พร้อมทั้งรัดฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ให้ครอบคลุม เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงและความรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่เน้นย้ำ ขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ในการดำเนินชีวิตภายใต้มาตรการการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด การเว้นระยะห่างทางสังคม เลี่ยงไปในสถานที่แออัดหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ การล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ และหากสังเกตพบว่ามีอาการเข้าข่ายการติดเชื้อหรือมีประวัติความเสี่ยงในการติดเชื้อ สามารถตรวจ ATK ด้วยตนเอง หรือติดต่อเข้ารับการตรวจได้ที่ รพ.สต. และ โรงพยาบาลทุกแห่ง