(มีคลิป)ดราม่าสนั่นหนุ่มป่วยโควิดรักษาหายจะกลับบ้านเจอป้ายชาวบ้านไม่สะดวก

7117
0
- ผู้สนับสนุนแพร่ข่าว -

เกิดดราม่าสนั่นโซเชียลเมื่อผู้ป่วย โควิด-19 รายหนึ่งโพสต์ภาพป้าย ที่ชาวบ้านเอามาหน้าบ้านที่เตรียมจะกักตัว หลังจากรักษาโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนาม หายแล้ว ให้ไปกักตัวที่อื่นแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสดราม่าเมื่อผู้ป่วยโควิด-19 รายหนึ่ง ที่รักษาอยู่โรงพยาบาลสนามกอเปาจังหวัดแพร่ โพสต์ข้อความระบุข้อความว่า “เรื่องมียุว่า ผมติดโควิดจากปทุมแล้วกลับไปรักษาที่แพร่บ้านเกิด รักษาหายครบกำหนดที่จะได้กลับไปกักตัวที่บ้านแล้วกำหนดออก23 ก.ค.64 แต่ติดปัญหาที่ว่าไม่ให้ผมเข้าหมู่บ้านเลยครับตอนนี้ แล้วจะให้ผมไปยุไหน บ้านผมก็ยุที่นี่ จะไปยุไหนล่ะทีนี้ น้ำใจไม่มีเลย มีแต่น้ำปลาล้า แม่งเอ้ย!!!  คนไทยร่วมแผ่นดินเดียวกันควรจะเห็นใจกันบ้าง นี่เห็นเราติดก็พากันรังเกียจ เห็นเราเป็นตัวเหี้ย เห็นเราเป็นเชื้อโรค แค่นี้แหละ #ฝากไว้ให้คิด” และมีภาพประตูรั้วหน้าบ้าน มีป้ายแขวนไว้ว่า “ขอความกรุณาเปลี่ยนสถานที่กักตัวที่ใหม่ (คนบ้านใกล้มีผลกระทบ กลัวจะมีปัญหาโปรดพิจารณาด้วย) หลังจากโพสต์ เรื่องนี้ลงไปแล้ว ทำให้เกิดกระแสดราม่าขึ้นจำนวนมาก

สำหรับเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามไปยังผู้ป่วยรายดังกล่าว เผยว่า ตนเองและแฟน ติดเชื้อ โควิด-19 จาก จ.ปทุมธานี แล้วจากนั้นได้ดำเนินเรื่องกลับมาที่ จ.แพร่ เพื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม และได้ทำตามมาตรการต่างๆ ของจังหวัดอย่างเคร่งครัด จนรักษาหาย กำหนดออกจากโรงพยาบาลสนามในวันที่ 23 ก.ค.64 ซึ่งก่อนหน้านั้นตนได้ประสานกับแม่ครอบครัวว่าจะกลับไปกักตัวที่บ้านป้า ในหมู่บ้าน เป็นเวลา 14 วัน ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่ เพราะนานๆ ป้าและครอบครัวจะมาพัก โดยทางครอบครัวได้ ทำความสะอาดบ้านก็ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างเพื่อให้ตนเองกักตัวเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาเมื่อแม่เดินออกไปจากบ้านพบมีป้ายเขียนว่าห้ามมากักตัวในบ้านหลังนี้ ติดอยู่หน้าบ้าน ตนจึงสับสนไม่สามารถกลับมาพักบ้านได้ เพราะข้างบ้านไม่ให้พัก เลยขออยู่ รพ.สนามต่อ เพราะยังหาบ้านที่กักไม่ได้ จึงได้โพสต์สอบถามในโซเซียล

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปที่หมู่บ้านที่เกิดปัญหา พบว่า บ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน และมีร้านค้าต่างๆ อยู่ระแวกนั้นจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านระบุว่า บริเวณนี้เป็นแหล่งการค้าขาย ตอนเย็นมา คนจะพลุกพล่าน ทั้งลูกเด็กเล็กแดง และมีชาวบ้านแวะหาซื้อข้าวปลาอาหารกันเป็นจำนวนมาก หากมีคนมากักตัวที่แห่งนี้ เกรงว่าจะทำให้ผู้คนหวาดกลัว ไม่มีใครกล้ามาจับจ่ายซื้อของ เพราะกลัวจะติดโควิด-19 จึงอยากให้ไปกักตัวที่อื่น

นางจง(นามสมมุติ) อายุ 59 ปี เผยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องนี้ว่า ชาวบ้านไม่ได้ไล่ ไม่ใช่ขัดขวาง ชาวบ้านแค่ต้องการให้ไปกักตัวที่อื่น ที่ไม่มีบ้านข้างเคียง เพราะระแวกกนี้ มีชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดง ต่างก็ออกมาซื้อข้าวปลาอาหารกันจำนวนมาก หากมีการติดไปกก็จะลุกลามไปใหญ่โต  โดยทางวันนี้ ทางผู้เกี่ยวข้องทั้ง อบต. อสม. เจ้าหน้าที่จาก อ.ร้องกวาง และชาวบ้านในหมู่บ้านได้จัดบ้านให้หลังหนึ่ง ที่ท้ายหมู่บ้าน โดยมีไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวก ไว้ให้แล้ว จึงอยากให้ไปพักบ้านที่ทางหมู่บ้านเตรียมไว้ให้แทน ทางชาวบ้านและคนในหมู่บ้าน จะได้สบายใจ เพราะตอนนี้ทุกคนต่างหวาดกลัวกันทั้งนั้น โรคโควิด-19

ทางด้าน นายสองฯ(นามสมมุติ) ญาติผู้ป่วย ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากทราบข่าวว่ามีชาวบ้านเอาป้ายไปติด ที่หน้าบ้านไม่ให้กักตัว ทางครอบครัวตนเองก็รับได้ โดยยินยอมให้ไปกักตัวที่บ้านกลางทุ่งนาของหมู่บ้านที่เตรียมไว้ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาทีหลังและทำให้เกิดความสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย  แต่ ตนเองอยากฝากเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาไว้ สำหรับหมู่บ้านอื่นๆ หรือจังหวัดอื่น ว่าให้ศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ ว่าโรคโควิด-19 เป็นอย่างไร อย่างกรณีนี้ คนในครอบครัว รักษาที่ รพ.สนาม หายมาแล้ว แค่มากัก ตัวดูที่บ้านอีก 14 วัน ก็ยังกลัว ทั้งที่รักษาหายแล้ว กลายเป็นต้องไปดิ้นรนหาที่กักตัวใหม่ วุ่นวายไปหมด ดีที่มีบ้านรองรับ หากเป็นที่อื่นหมู่บ้านอื่นๆ ที่ไม่มีความพร้อมล่ะจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายอยากฝากไว้ว่า คิดจะรังเกียจคนทำงานกรุงเทพกรุงไทย ให้นึกถึงตอนที่ไปขอผ้าป่าเพื่อมาพัฒนาหมู่บ้านพัฒนาวัดบ้าง คนทำงานกรุงเทพทั้งนั้นหามา นายสองฯ กล่าวปิดท้าย

ล่าสุดนายกล้าณรงค์ พงศ์สิทธิคุณ นายอำเภอร้องกวาง ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงคณะทำงานศปก.ตำบลทุกคนและกำนันผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ให้ปฎิบัติอย่างเคร่งครัดดังนี้

1. ด้วยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะมีผู้ที่ผ่านการรักษาจากโรงพยาบาลสนามจังหวัดแพร่ จนครบกำหนดเวลาทยอยเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาต่อไป

2. เพื่อให้การเฝ้าระวังความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด – 19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อำเภอร้องกวางขอจึงแจ้งให้กำนัน และผู้ใหญ่บ้านดำเนินการดังนี้

2.1 ตรวจสอบหนังสือรับรองของบุคคลดังกล่าวที่ทางโรงพยาบาลสนามฯ ออกให้

2.2 กำชับให้บุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขและทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด

2.3 แจ้งประซาชนในพื้นที่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวได้ผ่านกหรรักษามาเรียบร้อยแล้ว