เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 1 มิ.ย.64 ที่วัดพันเชิง ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ ได้มี นายบรรจง เต่าคำ อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 133/4 ม.1 ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ เดินทางมาหา พระครูสังฆรักษ์ ณัฐพงค์ธีรปัญโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพันเชิง เพื่อขอให้รดน้ำมนต์ เพื่อไล่เสนียดจัญไร ปัดเคราะห์ปัดโศกให้ด้วย
หลังจากที่รอดตายจากการถูกแตนหมี หรือชาวบ้านเรียก “ต่อนอนวัน” นับร้อยตัวรุมต่อย จนแพ้พิษจุกอกหมดสติ เดชะบุญที่เพื่อนไปด้วย โทรแจ้ง สายด่วน 1669 มีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยการะเวก ของเทศบาลตำบลช่อแฮ เปลี่ยนถ่ายผู้ป่วยนำไปรักษาตัวที่ รพ.แพร่ ช่วยชีวิตได้ทัน
นายบรรจง ฯ ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.10 น. วันที่ 30 พ.ต.64 ที่ผ่านมา ตนและเพื่อนๆ รวม 5 คน ได้นั่งรถกระบะ ออกมาจากสวนที่บ้านน้ำจ้อม ม.8 ต.ช่อแฮ จะกลับบ้านที่ ม.1 ต.ช่อแฮ โดยนั่งหน้า 3 คน ส่วนอีก 2 คน นั่งหลังกระบะ เมื่อมาถึงระหว่างทาง มีกิ่งไผ่ ย้อยลงมากลางถนน รถที่ตนขับจึงไปชนกับกิ่งไม้ ปรากฏว่ามีรังต่อขนาด 30X30 ซ.ม. อยู่ด้วย ทำให้ต่อได้ต่อย นายสมพร แก้วอิ่น อายุ 58 ปี เพื่อนสนิทคนบ้านเดียวกันที่นั่งหลังกระบะ จากนั้นเพื่อนจึงโวยวายและได้จอดรถห่างจากรังต่อประมาณ 100 เมตร
จากนั้น นายสมพรฯ ที่แค้นจากการถูกต่อย จึงชวนตนเองไปเผารังต่อ เพื่อไม่ให้ไปต่อยใครอีก โดยการเอาไม้ไผ่พันผ้าชุบน้ำมัน เพื่อจะไปเผารัง โดยนายสมพรฯ ไปก่อน คนเองตามหลังไป ปรากฏว่าผิดแผน ไฟที่จุดไปเผารังต่อ ได้ไหม้ใบไผ่ก่อน ไม่ไหม้ที่รังแต่ ฝูงต่อจึงตื่นไฟ รุมต่อย นายสมพรฯ ที่ทิ้งไม้ไผ่วิ่งหนีออกมา ขณะเดียวกัน ตนเองได้วิ่งเข้าไปที่รังพอดี ฝูงต่อ จึงได้รุมต่อยตนเองแทน นับร้อยๆ ตัว จนต้องวิ่งหนีกลับไปขึ้นรถ แล้วรีบขับออกมาจากที่เกิดเหตุ
เมื่อขับรถหนีออกมาได้ประมาณ 12 กิโลเมตร ปรากฏว่า ตนเองเกิดอาการจุกอก หายใจไม่อออก และตนเองเป็นคนขับรถด้วยจึงได้ประคองจอดรถข้างทาง จากนั้นตามเริ่มมองไม่เห็น อุจจาระ ปัสสาวะ เรี่ยราดไม่รู้สึกตัว ก่อนหมดสติ และเพื่อนที่มาด้วยกันได้โทร.1669 เพื่อให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพ นำร่างไปส่งรักษาที่ รพ.แพร่ เมื่อได้สติ พบว่าบาดแผลที่ถูกต่อย นับร้อยๆ แผล เป็นแผลลักษณะเหมือนไข่ดาว คือ มีรอยแดงๆ เป็นวง และมีจุดขาวๆ อยู่ตรงกลาง โดยนอน ที่ รพ.แพร่ 1 คืน เมื่อหมอให้กลับมาบ้าน จึงได้มารดน้ำมนต์ ดับพิษต่อ สะเดาะเคราะห์ ดังกล่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปดูจุดที่รังแต่อยู่ ปรากฏว่า มีร่องรอยการเผารัง และต่อยังอยู่ในรัง ยังไม่หนีไปไหน ซึ่งบริเวณดังกล่าว เป็นกลางถนน ที่มักจะมีรถขับขี่ผ่านไป-มา ตลอดเวลา เชื่อว่าหากมีรถชาวสวนที่มีแซง ขับขี่ผ่านมา อาจจะชนเข้ารังแตนรังนี้อีกก็เป็นได้.