………….ผู้สื่อข่าวจากกรณีเหตุฉุดสาวที่บริษัทสินเชื่อเงินด่วน ย่านพัฒนาการ กรุงเทพฯ จุดเกิดเหตุที่นางสาวปอ อายุ 31 ปี ถูกนายบอย หรือ วรวิทย์ เตียวเจริญกิจ อายุ 38 ปี บุกเข้าไปช่วงระหว่างทำงานของวันอังคารที่ 15 ธ.ค. 63 เวลา 16.00 น. โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงานบริษัท ก่อนจะกระชากนางสาวปอออกไปนอกบริษัท พร้อมกับมีการทำร้ายร่างกาย
พนักงานในบริษัทที่เห็นเหตุการณ์ และเพื่อนร่วมงาน ส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธให้ข้อมูล อ้างว่ามีการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว และไม่กล้าให้ข้อมูล กลัวว่าจะถูกทำร้าย เนื่องจากนายบอยมีอาวุธปืน ส่วนในที่เกิดเหตุมีระบบวงจรปิดติดตั้งอยู่ สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ทั้งหมด แต่ด้วยเป็นเหตุอุกอาจ เจ้าหน้าที่จึงได้นำไปตรวจสอบแล้ว รวมถึงติดตามจากรถยนต์ของนายบอย
…………นางกลิ่น (นามสมมติ) อายุ 49 ปี น้าของนางสาวปอ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตนเองได้รับประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีชายเข้ามาอุ้มนางสาวปอ หลานสาว หายตัวไปจากบริษัท โดยในช่วงเวลาเกิดเหตุ นายบอย แฟนของนางสาวปอ คนก่อเหตุ ได้เข้ามาพร้อมกับอาวุธปืน ขับรถจอดด้านหน้าบริษัท และตรงเข้าไปใช้อาวุธปืนข่มขู่ ประกาศว่า “ใครไม่เกี่ยวข้องไม่ต้องมายุ่ง” ซึ่งทำให้พนักงานตื่นตระหนก ไปรวมตัวกันหลังเคาน์เตอร์ แล้วเรียกให้นางสาวปอมาเจอ
สำหรับ นายบอย คนที่ก่อเหตุ เป็นแฟนปัจจุบันของนางสาวปอ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนฟ้องหย่าในศาล โดยทั้งคู่คบหากันมานานกว่า 4 ปี มีลูกชาย 2 ขวบ 1 คน แต่ในช่วงหลังประมาณ 2 ปี นางสาวปอได้ย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง ส่วนลูกชายได้นำไปฝากแม่ที่อยู่ จ.แพร่ เลี้ยงเอาไว้
……………ที่บ้านนาพูนเลขที่ 22/2 หมู่ 2 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ นายอุทิศ บุญหาญ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ได้นำผู้สื่อข่าว เข้าพบนายสะไหว ศรียงค์ อายุ 52 ปี กับ นางสายสวรรค์ หมื่นนาวัง อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นบิดา มารดาของ นางรัตนา เตียวเจริญกิจ หรือ น้องปอ ซึ่งถูกอดีตสามีฉุดหนีออกจากบ้านไป จนบัดนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับน้องปอได้ ทำให้ นางสายสวรรค์ ได้เข้าพบกับมูลนิธิปวีณา ให้ความช่วยเหลือติดตามบุตรสาวกลับคืนมาตามที่เป็นข่าว ตามสื่อต่างๆ
………….นางสายสวรรค์ ผู้เป็นแม่ เผยกับผู้สื่อข่าวด้วยความเป็นห่วงว่า หลังจากที่ตนทราบเรื่องว่า น้องปอบุตรสาว ถูกอดีตลูกเขยได้มาฉุดน้องปอไป ตนเองมีความเป็นห่วงลูกสาวมาก จึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา โดยไม่ได้ปรึกษาใครได้ค้นหามูลนิธิปวีณาตามสื่อต่างๆ หลังจากนั้น ได้เข้าแจ้งความบุตรสาวหายที่ สภ.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 มี ร.ต.อ.ประยูร ท่าช้าง รองสว.สอบสวน สภ.บ้านกวาง ช่วยราชการพนักงานสอบสวนประจำวัน สภ.นาพูน รับแจ้งความจากนั้น ได้เดินทางเข้ากรุงเทพไปให้ข้อมูลกับมูลนิธิปวีณา และเดินทางกลับจ.แพร่มาเมื่อวานนี้
………..นางสายสวรรค์ เผยอีกว่า ในคืนนี้ ตนเอง พร้อมด้วยสามี และ ด.ช.เปเปอร์ อายุ 2 ขวบ บุตรชายของ น้องปอกับสามีเก่า จะเดินทางเข้า กทม.เพื่อนำ ด.ช.เปเปอร์ไปร่วมอ้อนวอนให้ อดีตลูกเขย ได้กลับใจปล่อยลูกสาวของตนกลับมา และทราบว่าอดีตลูกเขยยังอยู่ระหว่างการหลบหนี และเจ้าหน้าที่กำลังติดตามอย่างกระชั้นชิด ตนขอวิงวอนให้อดีตลูกเขยอย่าทำอะไรรุนแรงกับลูกสาว มีอะไรก็ค่อยพูดจากัน เพราะลูกสาวจะต้องดูแลลูกคือน้องเปเปอร์อีกด้วย ขอให้ลูกเขยอย่างได้วู่วามให้สงสารลูกด้วย
…………นางสายสวรรค์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวของตนเป็นคนจังหวัดชัยภูมิแต่ได้โยกย้ายมาอยู่ที่ จ.แพร่ น้องปอจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ แห่งหนึ่งในภาคอีสาน เอกเคมี เมื่อก่อนรับราชการครู แต่เพราะความหึงหวงของอดีตลูกเขยที่ชอบความรุนแรงตบตีลูกสาว ขณะที่ไปสอนหนังสือนักเรียน ทำให้ลูกสาวต้องจำใจลาออกจากการรับราชการเกรงว่าอดีตลูกเขยจะตามไปทำร้ายที่โรงเรียน กลัวนักเรียนจะโดนลูกหลง ลูกสาวตั้งใจที่จะเป็นครูอีก เตรียมตัวสมัครสอบ แต่ก็มาโดนฉุดและทำร้ายยังไม่ทราบชะตากรรม เกรงว่าขณะนี้อดีตลูกเขยจะเดินทางมุ่งหน้ามาบ้านที่ ต.นาพูน
…….ทางด้านพ.ต.ท.นิรันดร อินผูก สวญ.สภ.นาพูน พ.ต.ท.วิทูล สีตะวัน สวป.สภ.นาพูนได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.ครรชิต ตื้อยศ รอง สวป.ฯ ร.ต.อ.สุรัชชัย อุบลกิจ รอง สวป.ฯ ร้อยเวรหัวหน้าสายตรวจเพิ่มความเข้มหมั่นออกตรวจพบปะเยี่ยมเยือนบ้านน้องปอเพื่อป้องกันเหตุและสืบสวนหาข่าวประสานกับฝ่ายปกครองและประชาชนบ้านนาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ หากพบรถหรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ให้รีบแจ้งตำรวจไปตรวจสอบโดยทันที