วันที่ 14 มิถุนายน 2567 นายอดิศร ไชยบุญเรือง ประธานหอการค้าจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนหลายกลุ่มของจังหวัดแพร่เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ร่วมกับจังหวัดแพร่ ที่ห้องประชุมเวียงโกศัย ศาลากลางจงหวัดแพร่ กรณีภาคเอกชนจังหวัดแพร่แพร่ได้เสนอโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองเก่าแพร่ วงเงิน 45 ล้านบาท แต่ถูกปัดตกจากมติที่ประชุม ครม.สัญจร จังหวัดพะเยา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567ที่ผ่านมา
นายอดิศร กล่าวว่า ภาคเอกชนจังหวัดแพร่ยังจะผลักดันโครงการปรับปรุงสนามหลวงอย่างต่อเนื่อง เพราะมีประโยชน์ในหลายมิติ 1) เป็นสถานที่ออกกำลังกายในเมืองของผู้สูงอายุและนักเรียนและกิจกรรมสันทนาการกลางเมืองแพร่ 2) เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ ด้านท่องเที่ยว เมืองเก่าแพร่ เพราะ เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์เชื่อมโยง พิพิธภัณฑ์ คุ้มเจ้าหลวง ปรับปรุงแล้วจะเห็นคุ้มเจ้าหลวง สวยงามและชัดเจน พื้นที่ ดูเป็นพื้นที่เดียวกัน 3) ด้านประวัติศาสตร์เมืองเก่ามีความชัดเจนขึ้น เพื่อให้เมืองมีความสวยงาม และพัฒนาสูงแพร่เมืองมรดกโลก
“งบนี้เป็นงบ ครม.สัญจร ซึ่งหลายจังหวัดได้ไปแล้ว จังหวัดแพร่เราก็ไม่อยากให้งบนี้ตกไป หากงบประมาณส่วนนี้ลงที่แพร่ได้ ก็จะทำให้จังหวัดแพร่มีโอกาสพัฒนาอีกหลาย โครงการซึ่งการหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ และจังหวัดแพร่ในวันนี้ ได้ข้อสรุปเบื้องต้น คือ ให้ปรับลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนลง กล่าวคือ จากงบเดิม 45 ล้านบาท ปรับลดโครงการปรับปรุงสวนสุขภาพเหลือ 20 ล้าน ตัดงบพัฒนาอื่นๆ หลายรายการ แต่ยังคงงบโครงการบูรณะปรับปรุง วิหารมิ่งเมือง ที่กำลังจะพัง วงเงิน 10 ล้าน ซึ่งจะเหลือเงินอีก 15 ล้านบาท เพื่อไปจัดทำโครงการส่งเสริมอาชีพ กระจายไปในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสสร้างงานสร้างอาชีพให้กับพี่น้องประชาชน อีกหลายพื้นที่ได้เป็นอย่างดี”
ประธานหอการค้าจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ จะนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาตามที่จังหวัดปรับแก้ไปแล้ว จังหวัดแพร่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวไปสู่เมืองสร้างสรรค์และเมืองมรดกโลก ภาคเอกชนและจังหวัดจะพยายามผลักดันอย่างเต็มที่เพื่อให้จังหวัดแพร่ได้รับการพัฒนาไปอย่างดีที่สุด ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน
